ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัด 

• ผู้ที่มีรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตาและบริเวณแก้ม

• ผู้ที่มีแก้มหย่อนคล้อย

• ผู้ที่มีร่องแก้ม, ร่องนํ้าหมาก

• ผู้ที่มีเหนียงบริเวณกราม

 

รายละเอียดการผ่าตัด

เมื่อดมยาสลบเรียบร้อย แพทย์จะฉีดยาชาและนํ้าเข้าไปยังผิวหนังทั่วทั้งใบหน้า หลังจากนั้นจึงลงแผลตั้งแต่ไรผมบริเวณขมับยาวไปจนถึงติ่งหู ทำการเลาะผิวหนัง(Skin) ออกจากเนื้อเยื่อชั้นใต้ผิวหนัง (SMAS) จากนั้นทำการตัดและเย็บเนื้อเยื่อชั้นใต้ผิวหนังให้กระชับ และตัดผิวหนังส่วนเกินออก ทำการหยุดเลือดให้สนิท ใส่สายระบายและทำการเย็บแผลให้เรียบร้อย

 

การดูแลรักษาหลังผ่าตัด

1. ประคบเย็นในช่วง 3 วันแรกบริเวณที่ผ่าตัด

2. เช็ดทำความสะอาดแผลทุกวัน ห้ามแผลโดนนํ้าจนถึงวันตัดไหม

3. ใส่สายระบายเลือดไว้ 1 วัน

4. ใส่ที่รัดหน้าในวันรุ่งขึ้นหลังผ่าตัดและใส่ต่อเนื่องจนครบ 2 เดือน

5. ตัดไหม 7 วัน หลังตัดไหมสามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้

6. พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดนาน 3 เดือนหลังผ่าตัด

7. ภาวะบวมจะหายเป็นปกติภายในระยะเวลา 6 เดือน

8. แผลอาจเห็นได้ในช่วง 3 เดือนแรก หลังจากนั้นจะค่อยๆ จางไปภายใน 1 ปี

9. อาการชาบริเวณใบหน้าจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1 ปี

 

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้

มีเลือดออกบริเวณใต้แผลผ่าตัด หากมีปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไขเพื่อหยุดเลือด

• แผลเป็น ในผู้เข้ารับการผ่าตัดบางกลุ่มอาจพบแผลเป็นนูนได้ สามารถแก้ไขด้วยการฉีดสเตียรอยด์ที่บริเวณแผลเป็นนูน

• อาจมีการสะสมของน้ำเหลืองเฉพาะที่ได้หลังผ่าตัด หากเป็นมากสามารถแก้ไขได้โดยการเจาะดูดออก

• การผ่าตัดดึงผิวหนังมากเกินไปอาจทำให้ใบหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ

• ในกลุ่มคนไข้ที่เคยผ่าตัด, ร้อยไหม, ฉีด filler บริเวณใบหน้ามาก่อน การผ่าตัดดึงหน้าอาจจะให้ผลลัพธ์ได้ไม่ดีมากเท่าที่ควร เนื่องจากภายในมีพังผืดมาก ตลอดจนการทำผ่าตัดต้องระวังไม่ให้โดนเส้นประสาทควบคุมใบหน้า ซึ่งถ้าโดนอาจจะทำให้มีภาวะหน้าเบี้ยวได้

​

ผลของการผ่าตัดจะอยู่ได้นานเเค่ไหน  

การผ่าตัดดึงหน้า จะสามารถให้ผลการรักษาที่ดีได้ประมาณ 5-10 ปี ขึ้นกับผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละคน