ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัด

• ผู้ที่ต้องการให้โหนกแก้มดูแคบลง

• ผู้ที่ต้องการให้โหนกแก้มดูโหนกนูนน้อยลง
   

รายละเอียดการผ่าตัด

เมื่อดมยาสลบแล้ว แพทย์จะผ่าตัดเปิดแผลบริเวณเหงือกด้านบนทั้งสองข้างไปจนถึงบริเวณของกระดูกโหนกแก้มที่จะกรอหรือตัด หากบริเวณดังกล่าวไม่ได้นูนมาก แพทย์จะใส่เครื่องมือเข้าไปกรอส่วนหน้าของโหนกแก้มให้บางลง แต่หากนูนมากจะต้องทำการตัดกระดูกโหนกแก้มด้านหน้าออกบางส่วน ร่วมกับเปิดแผลบริเวณไรผมหน้าต่อใบหูเพื่อตัดกระดูกโหนกแก้มด้านข้าง จากนั้นจะทำการเลื่อนกระดูกโหนกแก้มถอยหลังและเข้าด้านใน เมื่อได้ตำแหน่งที่ต้องการแล้วจะทำการยึดกระดูกด้วยแผ่นยึดไทเทเนียมให้แข็งแรง หยุดเลือดให้เรียบร้อย ใส่สายระบายเลือดแล้วจึงทำการเย็บแผลปิด

​

การดูแลรักษาหลังผ่าตัด​

1. ประคบเย็นในช่วง 3 วันแรกบริเวณที่ผ่าตัด

2. แผลในปาก ให้บ้วนปากทุกวัน วันละ 4 เวลา เช้า-กลางวัน-เย็น-ก่อนนอน ไม่ต้องตัดไหม ไหมจะหลุดออกมาเองหลังผ่านไป 1-2 เดือน แผลหน้าหู ตัดไหมเมื่อครบ 7 วันหลังการผ่าตัด หลังตัดไหมสามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้

3. ใส่สายระบายเลือดไว้ 1 วัน

4. พยายามหลีกเลี่ยงอาหารร้อน อาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารที่ต้องเคี้ยวมากๆ ในระยะเวลา 1-2 เดือนหลังผ่าตัด

5. ใส่ที่รัดหน้าในวันรุ่งขึ้นหลังผ่าตัดและใส่ต่อเนื่องจนครบ 2 เดือน

6. ภาวะบวมจะหายเป็นปกติภายในระยะเวลา 6 เดือน ส่วนอาการชาบริเวณริมฝีปากบน หากมีอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 3-6 เดือน

​

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้

• อาจมีอาการชาบริเวณริมฝีปากบน โดยภาวะนี้จะค่อยๆ ดีขึ้นจนหายเป็นปกติในเวลา 3-6 เดือน

• แผลในปาก หากดูแลไม่ดีอาจเกิดการติดเชื้อได้

• ภาวะแก้มห้อยตก ทำให้ใบหน้าดูสูงวัย มักเกิดในคนไข้ที่อายุมากกว่า 40 ปี มีผิวหนังบางและมีเนื้อแก้มมาก

• ภาวะกระดูกโหนกแก้มไม่ติด ซึ่งอาจทำให้มีการขยับของกระดูกได้ขณะเคี้ยวอาหาร หากมีปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข

• อาจมีอาการอ้าปากได้ไม่สุดในช่วง 1-2 เดือนแรก หลังจากนั้นจะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ

 

ผลของการผ่าตัดจะอยู่ได้นานเเค่ไหน

โดยทั่วไปสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีในระยะยาว ไม่พบว่าโหนกแก้มกลับมากว้างหรือนูนขึ้นอีก